อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ (ALS) เผยทิศทางตลาดร้านสะดวกซักในเอเชียแปซิฟิกโตเพิ่มตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการมากขึ้น ประกาศลงทุนกว่า 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐขยายโรงงานในประเทศไทย เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการทั้งนักลงทุนและผู้ใช้บริการ และเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจระดับภูมิภาค ควบคู่การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ล่าสุดจัดงาน “Wealth Investment 2024 : Wealth Transfer” ฉลองครบรอบ 5 ปีประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ESG Sustainability พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ เครื่อง Combo ที่สามารถซักและอบภายในเครื่องเดียวขนาด 13 กก. และ 24 กก. และ Touch screen – New Aesthetic Design เครื่องอุตสาหกรรมซักล่างอบบน แบรนด์ Primus และ Ipso หวังเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 เครื่องซัก-อบผ้าอุตสาหกรรม ระดับโลก
นายเบนจามิน ลีโอ ดอบส์ กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี (Alliance Laundry Systems LLC) หรือ ALS ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ร้านสะดวกซักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) นับว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง มีการเติบโตในหลายประเทศ อาทิ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่มีการขยายตัวของจำนวนร้านสะดวกซักเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยบรรดานักลงทุนต่างมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งมีปัจจัยบวก มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงหันมาใช้บริการร้านสะดวกซักกันเป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกันที่ผู้บริโภคต่างหันมาใช้บริการกันมากขึ้น เพราะเล็งเห็นถึงความสะดวกสบาย อีกทั้งช่วยประหยัดเวลา จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการในไทยทำการขยายทั้งขนาดของร้านรวมถึงจำนวนเครื่อง
“และในปี 2568 เราคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดร้านสะดวกซักยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมของตลาด APAC ในปี 2567 นี้ จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะบุกตลาดทั้งในประเทศเวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งนับเป็นกลุ่มตลาดใหม่ และเพื่อรองรับต่อการเติบโตของ ALS บริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับขยายห้องปฏิบัติการใหม่ในโรงงานประเทศไทย เพื่อขยายขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ และบริการที่ดีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด แม้ปัจจุบันจะต้องเจอกับปัญหาสินค้าลอกเลียนก็ตาม แต่ด้วยจุดแข็งของ ALS ที่มีประสบการณ์มาถึง 116 ปี ผู้บริโภคจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพสินค้าของเราได้อย่างแน่นอน”
ด้าน นายสุกรี กีไร ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี กล่าวว่า สำหรับในประเทศไทย ALS นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีร้านสะดวกซักที่ใช้เครื่องของ ALS ทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 3,489 ร้าน และคาดว่าเพิ่มขึ้นอีก 9 % ภายในสิ้นปี 2567 โดย ALS สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 70% ของจำนวนร้านสะดวกซักที่อยู่ทั้งหมด
5,007 ร้าน ของมูลค่าตลาดรวมประมาณ 13,500 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างระหว่างการซักผ้าที่บ้านกับที่ร้านสะดวกซัก ประกอบกับสภาพอากาศตอนนี้ที่เป็นหน้าฝนจึงไม่เอื้ออำนวยต่อการตากผ้า ทำให้มีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น กลุ่มลูกค้าประจำที่มีการลงทะเบียนเป็นสมาชิกกับทางร้าน เพื่อรับโปรโมชั่นต่างๆ โดยกลุ่มนี้แทบจะไม่กลับไปใช้เครื่องซักผ้าที่บ้านอีกเลย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 65% จากจำนวนผู้เข้าใช้บริการทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 1.85 ล้านคน, กลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการบ้างเป็นครั้งคราวที่มีอยู่ราวประมาณ 30% และกลุ่มลูกค้าใหม่ประมาณ 3% – 5% ส่วนในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ ร้านสะดวกซักกลายเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อที่ทุกคนจะเข้าใจบริบทและความสำคัญว่าสามารถทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นง่ายขึ้น
“และเนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี ALS ประเทศไทย บริษัทฯ ได้จัดงาน Wealth Investment 2024 : Wealth Transfer ภายใต้คอนเซ็ปต์ ESG Sustainability โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์โดยตรงมาแลกเปลี่ยนมุมมองในการทำธุรกิจ การให้ความรู้ทั้งการบริหารจัดการและทิศทางในอนาคต โดยปัจจุบัน ALS มีตัวแทนจำหน่ายเครื่องซักอบผ้าในประเทศไทยภายใต้ 4 แบรนด์ จำนวน 9 ราย ได้แก่ Speed Queen 4 ราย, Huebsch 1 ราย, Ipso 2 ราย, Primus 2 ราย และกลุ่ม OPL (On-Premise Laundry) สำหรับกลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล โรงงานซักผ้าขนาดใหญ่ จำนวน 4 ราย รวมทั้งหมด 13 ราย และเรายังมีเครื่องซักเครื่องอบ Touch screen รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Aesthetic Design ที่พร้อมออกวางจำหน่ายในไตรมาสนี้ภายใต้แบรนด์ Primus และ Ipso”
นายพาเวล ไมโน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ALS ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ เครื่อง Combo 2 รุ่น ขนาด 13 กก. และ 24 กก. ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ก็ทั้งซักและอบได้ในเครื่องเดียว โดยไม่จำเป็นต้องย้ายเสื้อผ้าจากเครื่องซักไปยังเครื่องอบให้ยุ่งยาก จุดเด่นคือ ประหยัดน้ำ, ประหยัดไฟและประหยัดแก๊ส เหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน สำหรับตัวเครื่องผลิตจากวัสดุระดับพรีเมียม แผงด้านหน้าทำจากสแตนเลส ระบบหน้าจอสัมผัส Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว รองรับได้ถึง 34 ภาษา ฟังก์ชันใช้งานง่าย ซึ่งเครื่องรุ่นนี้นับเป็นนวัตกรรมที่ดีสุดของ ALS ในปัจจุบัน และด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและกะทัดรัด จึงสามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องพื้นที่และการประหยัดพลังงาน”
“ปีนี้นอกจากการขยายโรงงานในเมืองไทยและการเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว ALS ยังให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย สำหรับในส่วนของโรงงานนั้นได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ถึง 40% พร้อมทั้งเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า (EV) และติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงยังมีแผนที่จะติดตั้งระบบรีไซเคิลน้ำเพื่อรองรับการดำเนินงานในห้องปฏิบัติการอีกด้วย” นายเบนจามิน กล่าวปิดท้าย
TAGS ALSBusinesscase