“คิงส์เมน (K)” เดินหน้าเต็มสูบ ลุยธุรกิจ Exhibition รูปแบบ Pop up Store จ่อรับงานใหญ่ “Motor show” ดันรายได้ 780 ล้านบาท รับเศรษฐกิจฟื้น

บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ซี. หรือ “K” ผู้ประกอบธุรกิจออกแบบและตกแต่งงานแบบครบวงจร เปิดฉากปี 2566 รุกงาน Exhibition รูปแบบ Pop up Store ซุ่มเจรจาแบรนด์ใหญ่ 3-4 ราย พร้อมจ่อรับงาน Moto Show รับเศรษฐกิจฟื้น ธุรกิจ Exhibition กลับมาคึกคักอีกครั้ง ดันรายได้เติบโต 780 ล้านบาท

ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจเอ็กซิบิชั่น (Exhibition) และงานตกแต่งภายใน (Interiors) ได้กลับมาคึกคักขึ้น ดังจะเห็นได้จากงาน Motor Expo 2022 ที่ผ่านมา ที่มียอดผู้เข้าชมงานสูงกว่า 1.3 ล้านคนและยอดจองรถยนต์อีกกว่า 3 หมื่นคัน เพราะเสน่ห์ของงานคือการที่ผู้เข้าชมได้เห็นหรือสัมผัสบรรยากาศภายในงานรวมถึงเห็นสินค้าจริงภายในสถานที่จัดงาน

 นายวงศ์กร พิเศษสิทธิ์ ผู้จัดการด้านการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ “K” หนึ่งในผู้นำธุรกิจออกแบบและตกแต่งงานแบบครบวงจร ทั้งธุรกิจงานตกแต่งภายใน (Interiors), ธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศกาล (Exhibitions), ธุรกิจการตลาดทางเลือก (Alternative Marketing) และธุรกิจงานพิพิธภัณฑ์และสวนสนุกแนวคิด (Museums & Thematic Park) เล่าว่า ตลาดรวม Exhibition และ Interiors มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ยอมรับว่าในช่วงสถานการณ์โรคโควิด19 ระบาด  งานกิจกรรมทางการตลาดถูกระงับ1-2 ปี ทั้งนี้เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม (Disruption)  ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวหันมาจัดงานในรูปแบบของเทคโนโลยีดิจิทัลแทน โดย“K ได้ประกาศปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ด้วยการลดสัดส่วนงานตกแต่งภายใน (Interiors) ในโครงการขนาดใหญ่ลง เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้สอดรับกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดภาระทางการเงินด้ามแผนที่วางไว้

ขณะที่ในปี 2566 ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 คลี่คลายลง เศรษฐกิจได้กลับมาฟื้นตัว ธุรกิจ Exhibitions และงาน Interiors ได้กลับมาคึกคักขึ้น ดังนั้นในปี 2566 บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ในส่วนงาน Interiors โดยลดขนาดงานลง หันมาเน้นรับงานระยะสั้น-ระยะกลางมากขึ้น เพื่อให้มีการหมุนรอบของกระแสเงินสดที่ไว และมีกำไรที่ดี อีกทั้งขนาดงานดังกล่าวยังเป็นความถนัดของบริษัทฯ อยู่ก่อนแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้รับงานในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ในกลุ่มของธุรกิจโรงแรม และโรงพยาบาล เป็นต้น แต่ทว่ากว่าที่โครงการจะดำเนินการแล้วเสร็จใช้เวลาค่อนข้างนานทำให้กระแสเงินสดหมุนรอบกลับมาช้า ส่วนเหตุผลที่บริษัทฯ เข้าไปงานในโครงการขนาดใหญ่ก็เพราะต้องการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจจากการที่ต้องถูกระงับการจัดงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แต่ปัจจุบันได้เห็นภาพชัดเจนแล้วว่าประชาชนยังต้องการที่จะเห็นที่จะสัมผัสกับบรรยากาศภายในพื้นที่จัดงานจริง

“ สำหรับงาน Exhibition ล่าสุด บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเข้ารับงานประเภทป๊อป อัพ สโตร์  (Pop Up Store) ในกลุ่มแบรนด์ลักซ์ชัวรี่รายใหญ่ จำนวน 3-4 แบรนด์ ซึ่งลักษณะการจัดงานรูปแบบดังกล่าวกำลังเป็นกลยุทธ์ยอดนิยมที่แบรนด์ชั้นนำ นำมาใช้ในการสร้างแบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ และมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 2566 นี้

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 จะมีงาน Exhibition ขนาดใหญ่ก็คืองาน Motor Show ซึ่งบริษัทฯจะเข้ารับงานในส่วนการจัดบูธพิเศษ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถมีรายได้จากงานดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งโดยปกติแล้วหากมีงานใหญ่อย่างเช่น Motor Expo หรือ Motor Show บริษัทฯจะมีรายได้เฉลี่ยที่ประมาณ 100-200 ล้านบาทต่องาน ซึ่งหากรวมทั้งสองงานจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาประมาณ 240 ล้านบาท “ นายวงศ์กร กล่าว

โดยก่อนหน้านั้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจ Exhibition ได้รับผลกระทบจากโควิด ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ลดลงเหลือระดับ 60-80 ล้านบาท ดังนั้นการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจจะทำให้แบรนด์ต่างๆ กลับมาจัดงาน Event เพื่อตอกย้ำแบรนด์ในช่วงที่เว้นระยะห่างทางสังคมกันอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งจะส่งผลให้บริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบการด้านการออกแบบและตกแต่งภายในงาน Exhibition อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทฯได้วางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 780 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้มาจาก 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มงาน Interiors ประมาณ 15-20% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือจะมาจากลุ่มงาน Exhibition และงาน Event และล่าสุดในเดือนมกราคม 2566  บริษัทฯ มีงานในมือแล้วมูลค่า 250 ล้านบาท แบ่งเป็นงาน Interior 15% และที่เหลือเป็นงาน Exhibition & Event โดยจะทยอยรับรู้ในปี 2566 เกือบทั้งหมด

สะท้อนให้เห็นภาพว่าธุรกิจ Exhibition และงาน Interior ได้กลับมาแล้ว และธุรกิจของคิงส์เมน ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจออกแบบและตกแต่งงานแบบครบวงจรจะกลับมามีรายได้ที่สดใสเติบโตตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นเดียวกัน โดยได้วางเป้าหมายรายได้รวมกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากกลุ่มงาน Exhibition และงาน Event ประมาณ 500-600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากกลุ่มงาน Interior นายวงศ์กล่าวในตอนท้าย

TAGS

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *