5 จุดเสี่ยงสำคัญที่องค์กรต้องปิดช่องโหว่ เพื่อรับมือภัยไซเบอร์ปี 2026 อย่างยั่งยืน

5 จุดเสี่ยงสำคัญที่องค์กรต้องปิดช่องโหว่ เพื่อรับมือภัยไซเบอร์ปี 2026 อย่างยั่งยืน

ในโลกธุรกิจปัจจุบัน ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายไอทีอีกต่อไป แต่เป็นวาระสำคัญที่ส่งผลต่อความอยู่รอดและความเชื่อมั่นขององค์กร รายงานภัยคุกคามระดับโลกชี้ให้เห็นว่า การโจมตีในปี 2026 จะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนเป้าหมายจากการโจมตีแบบหว่านแห เป็นการเจาะจงทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและขโมยข้อมูลที่มีมูลค่าสูง

แนวคิดเดิมที่มุ่งเน้นเพียงการป้องกันไม่ให้ถูกเจาะระบบ จึงอาจไม่เพียงพอ องค์กรชั้นนำจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองสู่การสร้าง ความยืดหยุ่นในการฟื้นตัว หรือความสามารถในการรับมือและกู้คืนระบบให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้เร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุวิกฤต

ผู้บริหารและผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องตระหนักถึง 5 จุดเสี่ยงเชิงโครงสร้าง ที่มักถูกละเลย และเป็นช่องทางที่สร้างความเสียหายสูงสุดให้กับองค์กร ดังนี้

1. ความเสี่ยงจากจุดบอดในเครือข่าย

การโจมตีสมัยใหม่มักแฝงมาในรูปแบบที่แนบเนียนผ่านช่องทางที่ดูเหมือนปลอดภัย โดยซ่อนตัวมากับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งระบบป้องกันเครือข่ายรุ่นเก่ามักตรวจสอบไม่พบ ทำให้มัลแวร์สามารถเล็ดลอดเข้าสู่ระบบแกนหลักขององค์กรได้โดยไม่มีสัญญาณเตือน

  • แนวทางแก้ไข: จำเป็นต้องยกระดับสู่ระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายขั้นสูง ที่มีความสามารถในการตรวจสอบเชิงลึกและวิเคราะห์ภัยคุกคามได้ถึงระดับแอปพลิเคชัน เพื่อขจัดจุดบอดและสร้างความโปร่งใสให้กับการรับส่งข้อมูลทั้งหมดในองค์กร

2. ความเปราะบางของอุปกรณ์พนักงาน

ในยุคที่พนักงานทำงานได้จากทุกที่ อุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์พกพาและสมาร์ตโฟนเปรียบเสมือนด่านหน้าที่กระจายตัวอยู่ภายนอก การพึ่งพาโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบเดิมอาจไม่ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน ส่งผลให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีที่ลุกลามเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์หลักของบริษัท

  • แนวทางแก้ไข: ควรนำเทคโนโลยีตรวจจับและตอบสนองที่อุปกรณ์ปลายทาง หรือ EDR มาใช้งาน เพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมที่ผิดปกติแบบเรียลไทม์ และตัดการเชื่อมต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยจำกัดความเสียหายให้อยู่ในวงแคบ

3. การรั่วไหลของข้อมูลและการขู่กรรโชก

รูปแบบของแรนซัมแวร์ในปัจจุบันได้พัฒนาไปสู่การขู่กรรโชกซ้ำซ้อน คือไม่เพียงแค่ล็อกข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ยังทำการขโมยข้อมูลสำคัญออกไปเพื่อขู่เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและอาจนำไปสู่การผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างรุนแรง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกลุ่ม LockBit ที่ตระเวนโจมตีองค์กรทั่วโลก โดยไม่เพียงแค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่ปล่อยข้อมูลความลับหากไม่จ่ายค่าไถ่ ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงกว่าการเสียเงิน

  • แนวทางแก้ไข: องค์กรจำเป็นต้องมีระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหล หรือ DLP ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตรวจสอบและควบคุมการเคลื่อนย้ายข้อมูลสำคัญ ทั้งข้อมูลลูกค้าและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลเหล่านั้นจะไม่ถูกส่งออกนอกองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต

4. การถูกเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตน

สถิติระบุว่าการโจมตีส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ เกิดจากการที่ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงรหัสผ่านหรือสิทธิ์ของผู้ใช้งานได้ การขาดมาตรการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงที่รัดกุม เปรียบเสมือนการมอบกุญแจหลักให้แก่ผู้บุกรุกในการเข้าถึงข้อมูลทุกส่วนขององค์กร

  • แนวทางแก้ไข: ควรบังคับใช้ระบบบริหารจัดการสิทธิ์และการยืนยันตัวตนที่เข้มข้น ภายใต้หลักการที่ว่าให้สิทธิ์เท่าที่จำเป็น และมีการตรวจสอบบริบทของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกสวมรอย

5. ความล้มเหลวของแผนกู้คืนข้อมูล

ระบบสำรองข้อมูลถือเป็นปราการด่านสุดท้ายของการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ยุคใหม่มุ่งเป้าไปที่การค้นหาและทำลายระบบสำรองข้อมูลเป็นอันดับแรก เพื่อตัดทางรอดและบีบบังคับให้องค์กรต้องยอมจ่ายค่าไถ่ ดูได้จากกรณี Colonial Pipeline ท่อส่งน้ำมันใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่ต้องยอมจ่ายค่าไถ่กว่า 4 ล้านกว่า ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเพราะไม่มั่นใจว่าระบบกู้คืนข้อมูลจะกลับมาทำงานได้ทันเวลาหรือไม่ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายมหาศาล

  • แนวทางแก้ไข: ต้องจัดทำระบบสำรองข้อมูลที่มุ่งเน้นความปลอดภัยสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ข้อมูลสำรองไม่สามารถถูกแก้ไข ลบ หรือเข้ารหัสซ้ำได้ เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรจะมีชุดข้อมูลที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับการกู้คืนระบบได้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นก็ตาม

 

ความปลอดภัยไซเบอร์ คือรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืน

Tangerine ในฐานะผู้นำในการให้บริการ IT Solutions และ Cloud Consulting ชั้นนำที่มีประสบการณ์ดูแลองค์กรไทยมายาวนาน เราเข้าใจดีว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ต้องถูกฝังอยู่ในทุกรากฐานของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นระบบ Cloud, Data หรือ Infrastructure เราพร้อมนำความเชี่ยวชาญแบบครบวงจรมาช่วยดูแลองค์กรของคุณ ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ป้องกันไปจนถึงแผนกู้คืนระบบ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าธุรกิจจะพร้อมรับมือทุกภัยคุกคามและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงโดยไม่มีสะดุด

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์: www.tangerine.co.th

อีเมล: info@tangerine.co.th

โทรศัพท์: 02-285-5511
Facebook: www.facebook.com/tangerineofficial.page

TAGS

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *